เมื่อสร้างงานนำเสนอสำเร็จแล้ว
ก่อนออกจากโปรแกรม ควรสั่งบันทึกงานนำเสนอก่อน
1. คลิกปุ่มแฟ้ม
(File)
2. คลิกเลือกเมนูบันทึกเป็น
(Save
As)
3. จะปรากฏกล่องโต้ตอบ
(Active
Window) บันทึกเป็น เลือกตำแหน่งที่จะเก็บไฟล์
4. ตั้งชื่อไฟล์นำเสนองานในช่องชื่อไฟล์
:
File Name
5. กดปุ่มบันทึก
(Save)
ไฟล์งานนำเสนอที่บันทึกจาก PowerPoint
2010 มีนามสกุลเหมือนกับไฟล์งานนำเสนอที่บันทึกจาก
PowerPoint 2010 หรือไม่ตอบ
มีเหมือนกัน แต่จะมีนามสกุล .pptxเพิ่มขึ้นมาสามารถเลือกบันทึกได้
การปิดเอกสาร
1. คลิกปุ่มแฟ้ม
(File)
2. เลือกเมนูปิด
(Close)
3. หากเอกสารไม่มีการบันทึกจะมีกลองโต้ตอบ
(Active
Window)
4. ปุ่ม
คลิกเลือกปุ่มที่ต้องการ
ครูผู้สอนอธิบายการใช้งานคีย์ลัดในการเปิดและบันทึกเอกสาร
เปิดเอกสาร=
ctrl+นบันทึกเอกสาร=
ctrl+s บันทึกเป็นการใช้ F2
การออกจากโปรกรม
เมื่อได้เสร็จสิ้นการใช้โปรแกรม
และทำการบันทึกข้อมูลแล้ว ก่อนปิดเครื่อง หรือใช้โปรแกรมอื่นควรออกจากโปรแกรม
ซึ่งมีวิธี ดังนี้
1. คลิกปุ่มแฟ้ม
(File)
2. เลือกเมนูจบการทำงาน
(Exit)
การเปิดงานนำเสนอที่บันทึกไว้กลับมาใช้งานใหม่
ผู้ใช้สามารถนำงานนำเสนอที่เคยบันทึกไว้กลับมาแก้ไข
หรือใช้งานใหม่ โดยมีขั้นตอน ดังนี้
1. คลิกปุ่มแฟ้ม
(File)
2. เลือกเมนูเปิด
(Open)
3. เลือกตำแหน่งที่เก็บงาน
4. คลิกเลือกงานนำเสนอที่ต้องการเปิด
5. คลิกปุ่มเปิด
(Open)
การทำงานกับภาพนิ่ง
มุมมองในการทำงาน
มุมมองของโปรแกรม Microsoft
PowerPoint2010 สามารถปรับมุมมองในการทำงานได้ 3 แบบ
โดยแต่ละแบบจะมีมุมมองและคุณสมบัติในการใช้งานแตกต่างกันออกไป
1. มุมมองปกติ
(Normal
View) มุมมองนี้ใช้ในการสร้างและตกแต่งสิ่งต่างๆภายในสไลด์โดยประกอบด้วยการทำงานที่แตกต่างกัน
2 แบบคือ
· แบบสไลด์
(Slide) ใช้ในการปรับแต่งองค์ประกอบต่างๆ
· แบบเค้าร่าง
(Outline) ใช้แสดงเนื้อหาที่ใช้ในการนำเสนอ
และแก้ไขข้อความหรือเพิ่มหัวข้อที่ต้องการ
2. มุมมองตัวเรียงลำดับภาพ
(Slide
Sorter View) เป็นมุมมองที่ใช้ในการเรียงลำดับภาพนิ่ง
ซึ่งสามารถเปลี่ลำดับภาพนิ่งได้
3. มุมมองการอ่าน
เป็นมุมมองที่ใช้ในการอ่าน ซึ่งมีลักษณะเหมือนมุมมองภาพนิ่ง
4. มุมมองการนำเสนอภาพนิ่ง
(Slide
Show) เป็นมุมมองที่ใช้ในการนำเสนอผลงานจากภาพนิ่ง
ซึ่งภาพจะแสดงเต็มจอ
การจัดเรียงข้อความในมุมมองเค้าร่าง
การจัดเรียงข้อความในมุมมองเค้าร่าง
ใช้สำหรับจัดเรียงระหว่างหัวข้อหลักกับหัวข้อย่อยและเนื้อหาของงานนำเสนอให้เป็นไปอย่างที่ต้องการ
การเข้าสู่การจัดการเรียงข้อความในมุมมองเค้าร่าง
1. คลิกเลือกมุมมองปกติ
(Normal
View)
2. คลิกเลือกแถบเค้าร่าง
(Outline)
3. คลิกขวาที่แถบเค้าร่างจะมีคำสั่งในการจัดเรียงข้อความให้เลือก
การกำหนดชื่อเรื่องของสไลด์
(Slide)
การกำหนดชื่อเรื่องของสไลด์
(Slide)โดยต้องกำหนดในมุมมองเค้าร่าง ซึ่งมีขั้นตอน ดังนี้
1. นำเมาส์คลิกหลังไอคอนสไลด์
(Icon
Slide) แล้วพิมพ์ชื่อเรื่อง
2. ในสไลด์จะปรากฏชื่อเรื่องตามแบบเค้าร่างขึ้นในกรอบชื่อเรื่อง
การกำหนดความสำคัญของหัวข้อสไลด์เป็นขั้นตอนที่ต้องการให้งานนำเสนอมีหัวข้อหลัก
และหัวข้อย่อย การกำหนดความสำคัญของหัวข้อสไลด์ต้องกำหนดในมุมมองเค้าร่างซึ่งมีขั้นตอน
ดังนี้
1. นำเมาส์คลิกหลังไอคอนสไลด์
(Icon
Slide) พิมพ์ชื่อหัวข้อสไลด์
2. กดปุ่ม
Enter
จะปรากฏไลด์เพิ่มขึ้น
3. หากต้องการลดความสำคัญของหัวข้อให้กดปุ่ม
Tab
หรือคลิกขวาเลือกคำสั่งลดระดับ
4. ไอคอนสไลด์จะหายไป
พิมพ์หัวข้อย่อยกดปุ่ม
5. หากต้องการเพิ่มความสำคัญขอหัวข้อให้กลับมาเท่าเดิมคลิกขวาเลือกคำสั่งเลื่อนระดับ
6. จะปรากฏไอคอนสไลด์
(lconslibe) ใหม่ขึ้นมา
การเปลี่ยนลำดับของ
Slideและหัวข้อ
การเปลี่ยนลำดับของ Slide
และหัวข้อมีประโยชน์ในการย้ายลำดับของ Slide
หรือหัวข้อที่ต้องการย้าย เช่น จะย้ายหัวข้อจากข้างล่างขึ้นข้าวบน เป็นต้น
ถ้าต้องการให้ลำดับของ Slide ที่ต้องย้ายลง สามารถทำได้โดยวิธีก่ารเดิมแต่เปลี่ยนคำสั่ง Tools จากย้ายขึ้นเป็นย้ายลง
ขั้นตอนการเปลี่ยนลำดับของ Slide และหัวข้อมีดังต่อไปนี้
1. ใช้เมาส์เลือกหัวข้อหลักหรือหัวข้อย่อยที่ต้องการย้ายลำดับ
2. คลิกขวาเลือกคำสั่งย้ายขึ้น
การย้ายตำแหน่งของลำดับหัวข้อสามารถทำวิธีอื่นๆได้อีกหรือไม่ อย่างไร
ตอบ ทำได้โดยเลือกหัวข้อ
หรือข้อความที่ต้องการย้ายตำแหน่งแล้วคลิกเมาส์ซ้ายค้าง แล้วลากไปยังตำแหน่งที่ต้องการจะย้ายได้ทันที
การลบ
(Delete) Slide และหัวข้อ
หากต้องการลบ (Delete) Slide และหัวข้อ ที่ไม่ต้องการ สามารถทำได้โดย
1. เลือกตำแหน่งที่ต้องการด้วยเมาส์
2. จากนั้นคลิกปุ่ม
Delete
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น